หลังจากเสร็จศึกยูโร 2020 กลางปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าชาติที่ประสบความสำเร็จก็เดินหน้าต่อไป แต่ชาติที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงกันไป เพื่อเตรียมทีมสำหรับการสู้ศึกฟุตบอลโลกครั้งต่อไปที่จะมาในปีหน้านี้ เนเธอร์แลนด์เองก็ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เพื่อเตรียมทีม พวกเค้าเปลี่ยนกุนซือใหม่เป็นคนคุ้นเคยกันดี นั่นก็คือ จารย์หลุยส์ หรือ หลุยส์ ฟาน กัลป์
เปลี่ยนแปลงกุนซือ
ต้องยอมรับว่า การเปลี่ยนผู้จัดการทีมคราวนี้ถือว่ามาเร็วและถูกต้องมาก หากใครยังจำกันได้ กุนซือที่คุมทีมเนเธอร์แลนด์ ลุยยูโรรอบที่ผ่านมาอย่าง แฟรงค์ เดอ บัว เค้าไมได้เป็นตัวจริงของทีมชาติเท่าไร เค้ามาในฐานะฉุกเฉินแทนที่ โรนัลด์ คูมัน ที่ถอนตัวออกไปคุมทีมบาร์เซโลน่าแทน เลยทำให้การทำทีมดูจะไม่ค่อยเข้ากันดีเท่าไร เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้จักนักเตะดีพอ ก็พอเข้าใจได้เพราะมาขัดตาทัพเท่านั้น แถมตกรอบเร็วด้วย การรับผิดชอบผลงานตัวเองด้วยการลาออกถือว่าเหมาะสม
หลุยส์ ฟาน กัลป์
ทีนี้พอต้องเปลี่ยนแปลง ทางสมาคมฟุตบอล หลังจากเลือกมาพอสมควรก็มาเคาะกันที่ชื่อของคนคุ้นเคยอย่าง หลุยส์ ฟาน กัลป์ หรือ จารย์หลุยส์ จอมปรัชญา แท็คติคแบบสุดงงที่หลายคนจำได้ การเลือกจารย์หลุยส์กลับมาต้องยอมรับว่าเรื่องความเก๋าประสบการณ์ถือว่ายอดเยี่ยมเลย ไม่เท่านั้นถ้ายังจำกันได้ ก็จารย์หลุยส์นี่แหละที่พาทีมชาติบ้านเกิดของเค้า เนเธอร์แลนด์ ไปได้ไกลถึง อันดับสามบอลโลกปี 2014 บนแผ่นดินบราซิล มองจากผลงานครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ได้แย่
สิ่งที่ต้องระวัง
แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากเตือนกันไว้ก่อน ก็คือ จารย์หลุยส์ เองแม้ว่าจะเคยมีรางวัลติดไม้ติดมือมา แต่ว่าอีกด้านหนึ่ง เค้าก็เป็นจอมปรัชญา เจ้าแท็คติคที่บางทีมันก็สุดมึน แบบที่เราคาดไม่ถึงเลย ไหนจะการร้างการคุมทีมไปนานตั้งแต่โดนปลดจากแมนยูเมื่อปี 2016 ห่างฟุตบอลไปเกือบห้าปี เค้าจะยังตามทันโลกฟุตบอลอยู่ไหม หรือ จะรู้จักนักเตะมากแค่ไหน กับเวลาเพียงแค่หนึ่งปีในการลุยฟุตบอลโลก มันจะทันไหม อันนี้ก็เป็นเรื่องน่าคิดของจารย์หลุยส์ เหมือนกัน
